วรุตม์คลินิกเวชกรรม
วรุตม์คลินิกให้ความมั่นใจด้านความงาม โดยเฉพาะเรื่องศัลยกรรม ผิวพรรณ และการฟื้นฟูผิว ให้แลดูอ่อนกว่าวัย ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของคุณหมอ
ปัจจุบันการผ่าตัดทำนม (เสริมหน้าอก)หรือการทำนมได้รับความนิยมกว่าสมัยก่อนมาก เนื่องจากเทคโนโลยีในการทำนม ทำนม (เสริมหน้าอก)ก้าวหน้าขึ้น เทคนิคและวิธีการผ่าตัดของแพทย์ก็พัฒนาตาม การทำนม (ทำนม (เสริมหน้าอก))มีหลายทางเลือก แต่ถ้าจะให้ปลอดภัยควรเลือกผ่าตัดกับศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น ซึ่งการผ่าตัดทำนม (เสริมหน้าอก)ด้วยถุงเต้านมเทียมหรือถุงซิลิโคนจะเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะเป็นวัสดุที่มีรูปร่างสวยงามและมีความแข็งแรง หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรก็สามารถอยู่ในร่างกายได้ตลอด จึงถือว่าเป็นการทำนม (เสริมหน้าอก)ที่ราคาและคุณภาพสมเหตุสมผลที่สุด
ซิลิโคนที่ใช้ทำนม (เสริมหน้าอก)ในปัจจุบันเกือบทั้งหมดจะใช้ซิลิโคนเจล (Silicone Gel) ซึ่งผิวภายนอกเป็นถุงซิลิโคนและภายใน มีลักษณะเป็นเจล
1 ผิวภายนอกซิลิโคนชนิดหยาบหรือผิวทราย (Textured)
2 ผิวภายนอกซิลิโคนชนิดหยาบหรือผิวทราย (Textured) นอกจากนี้ยังมีรูปทรงหลายชนิดให้เลือก เช่น ทรงกลม (Round) ทรงหยดน้ำ (Teardrop) รวมทั้งขนาดและความนูนในระดับต่าง ๆ
ปัจจุบันซิลิโคนเต้านมเทียมมีคุณภาพและความคงทนที่ค่อนข้างดี ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตามเวลา 5 ปี หรือ 10 ปี โดยในส่วนของเต้านมเทียมผิวขรุขระหรือผิวทราย (Textured Implant) ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในประเทศไทย มีข้อมูลระบุว่าสามารถลดการเกิดพังผืดหดรัดและมีพื้นผิวที่สามารถยึดเกาะได้ดี จึงเหมาะกับซิลิโคนเต้านมบางประเภท เช่น ทรงหยดน้ำซึ่งต้องการการยึดเกาะที่ดีเพื่อให้ไม่มีการพลิกหรือหมุนตัว ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีความละเอียดของผิวทรายที่แตกต่าง ตั้งแต่แบบหยาบหรือขรุขระมาก (Macrotexture) จนถึงแบบละเอียด (Micro – Nano Texture) ควรเลือกซิลิโคนผิวขรุขระให้เหมาะสมภายใต้คำแนะนำของศัลยแพทย์และมีการเฝ้าระวังและตรวจเช็กหน้าอกอย่างสม่ำเสมอ
การเลือกซิลิโคนที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง โดยศัลยแพทย์จะใช้ข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และแนะนำในการเลือกชนิดและขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม ได้แก่
เหมาะกับคนที่มีเนื้อหน้าอกเยอะ ผลข้างเคียงน้อย บาดเจ็บน้อย ผ่าตัดง่าย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดพังผืดได้มากกว่า ส่งผลให้หน้าอกมีความแข็ง และผิดรูปง่ายกว่า และสำหรับใครที่มีเนื้อหน้าอกน้อย หรือเสริมขนาดใหญ่มาก อาจทำให้เห็นขอบของซิลิโคน ดูไม่เป็นธรรมชาติได้ (ซิลิโคนลอย) และที่สำคัญคือไม่เหมาะกับคนที่มีแพลนจะตั้งครรภ์ เพราะอาจมีสารปนเผื้อนจากซิลิโคน สัมผัสต่อมผลิตน้ำนมได้
เหมาะกับคนที่เนื้อหน้าอกน้อย ซิลิโคนจะคอยดันให้หน้าอกดูเด้งเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย หน้าอกจะดูกระชับ ดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีปัญหาผิวคลื่น มีโอกาสที่หน้าอกจะผิดรูป เกิดพังผืด หน้าอกแข็งน้อยกว่า แต่การทำนม (เสริมหน้าอก)ใต้กล้ามเนื้อจะรู้สึกเจ็บมากกว่า นานกว่า ใช้เวลาในการพักฟื้นมากกว่า และต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งนั้น
เป็นการทำนม (เสริมหน้าอก)กึ่งเหนือกล้ามเนื้อ กึ่งใต้กล้ามเนื้อ (ระหว่างกล้ามเนื้อ) เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่รวมข้อดีของการทำนม (เสริมหน้าอก)ทั้งสองแบบไว้ด้วยกัน ซึ่งซิลิโคนส่วนบนจะอยู่ใต้กล้ามเนื้อ ส่วนซิลิโคนส่วนล่างจะอยู่เหนือกล้ามเนื้อ ทำให้ไม่เห็นขอบซิลิโคนบริเวณเนินหน้าอก ส่วนล่างมีความคล้อย โค้งมน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันเทคนิคนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก
แผลทำนมซิลิโคนจะมีอยู่ 3 บริเวณคือ ใต้ราวนม, รักแร้ และรอบปานนม ตำแหน่งที่นิยมมากที่สุดคือใต้ราวนม เพราะเจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน และมองเห็นแผลยาก ส่วนบริเวณรักแร้ก็นิยมไม่แพ้กัน เนื้อจากเป็นตำแหน่งที่มีปัญหาแผลคีลอยด์น้อยที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปก็จะไม่เห็นแผลเหลืออยู่เลย แต่มีข้อเสียคือรู้สึกเจ็บกว่า และดูแลตัวเองยากกว่าวิธีอื่น ๆ
สุดท้ายเป็นการเปิดแผลรอบปานนม ไม่นิยม เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดซิลิโคนที่ใส่ เหมาะกับคนที่ต้องการเสริมซิลิโคนขนาดเล็ก ส่วนเคสที่มีการเติมไขมันหน้าอก จะมีแผลขนาดเล็กเท่าหัวปากกาบริเวณหน้าอก และแผลบริเวณที่ดูดไขมันออกมา (4 มิลลิเมตร)
โดยทั่วไปตำแหน่งในการวางซิลิโคนจะอยู่ใต้กล้ามเนื้อหรือใต้เนื้อหน้าอก ซึ่งศัลยแพทย์จะแนะนำตำแหน่ง ที่เหมาะสมกับแต่ละคน โดยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดทำนม(เสริมหน้าอก) ได้แก่
ทำนม (เสริมหน้าอก) 350 ซีซี คือขนาด ปริมาตร โดยรวมของซิลิโคนที่แพทย์จะทำการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับหน้าอกแต่ละคน โดยแต่ละยี่ห้อ ก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นทั้งบางครั้งในรุ่นเดียวกัน ปริมาณเท่ากันแต่รูปทรงต่างกันก็มี เช่น ขนาด350 CC ของบริษัทหนึ่งอาจจะมีความกว้างของฐานซิลิโคนหน้าอกมากกว่าความสูง ขณะที่บริษัทหนึ่งมีความสูงมากกว่าความกว้างของฐาน โดยทั่วไปการเลือกที่จะใช้ซิลิโคนรูปร่างลักษณะไหน ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ สรีระ และดุลยพินิจของแพทย์ ใส่ ทำนม (เสริมหน้าอก) จะเริ่มต้น 100 CC -800 CC
ขนาดที่ใช้จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์บวกกับสรีระของผู้ที่จะทำนม (เสริมหน้าอก) เช่น เสริมหน้าอก 250 เสริมหน้าอกcc 275CC เสริมหน้าอก 300Cc เสริมหน้าอก 325cc เสริมหน้าอก 350ccเสริมหน้าอก 375ccเสริมหน้าอก 400ccเสริมหน้าอก 450ccเสริมหน้าอก 500ccเสริมหน้าอก 600cc
ทำนม (เสริมหน้าอก) ทรงหยดน้ำ ลักษณะซิลิโคนเสริมหน้าอกจะมี 2 ทรงที่นิยมเลือกใช้ ทำนมทรงกลม ทำนมทรงหยดน้ำ ทำนมทรงกลมและทำนมทรงหยดน้ำ ขึ้นอยู่กับความต้องการและสรีระของลูกค้า โดยทั้งสองทรงจะมีผิวเรียบ ผิวทราย ผิวกึ่งทรายเหมือนกันทั้งคู่
แต่ทำนมทรงกลมตัวซิลิโคนจะเป็นทรงกลม ฐานแบน เป็นกรวย ลักษณะเหมือนเต้านมของผู้หญิง ทำนมทรงหยดน้ำ ลักษณะแตกต่าง จะมีหางขึ้น เพื่อมาเสริมบริเวณเนินหน้าอกด้ายบน เหมาะสำหรับคนที่มีบริเวณเนินอกด้านบนน้อย ดังนั้น ถ้า 350cc เท่ากัน ทำนมทรงหยดน้ำจะดูเล็กกว่าทำนมทรงกลม
1.อัลเลอแกน (Allergan)เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกันเพราะซิลิโคนยี่ห้อนี้ก็ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP จากองค์การอาหารและยาจากสหรัฐอเมริกา (FDA) เช่นเดียวกัน
2SEBBIN(เซบบิน)ได้รับการรับรองจากสำนักงานความปลอดภัยด้านผลิตภัณฑ์ยาและเวชภัณฑ์ประเทศฝรั่งเศส
3.เมนเตอร์ (Mentor) เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงมาก ผ่านการรับรองจากสหรัฐอเมริกา
4.โมติว่า (Motiva)เป็นแบรนด์ชั้นนำจากเกาหลียังมีรุ่น Ergonomix จะฝังชิปเก็บข้อมูลไว้ในตัวซิลิโคน ตรวจสอบหาข้อมูลได้ทั้งรุ่น ขนาด วันและเวลาที่ทำ ตรงกันกับที่ตกลงกับผู้ให้บริการ
Dual Plane เป็นเทคนิคการผ่าตัดทำนม (เสริมหน้าอก) โดยการวางตำแหน่งของซิลิโคน คือ ครึ่งหนึ่งอยู่ใต้กล้ามเนื้อ และอีกครึ่งหนึ่งอยู่บนกล้ามเนื้อ ( หรืออยู่ในเนื้อนม ) ซึ่งแพทย์ผู้ที่ทำการผ่าตัดทำนม (เสริมหน้าอก) ด้วยทำเทคนิคนี้ต้องมีประสบการณ์ค่อยข้างสูง ซึ่งเป็นการนำเอาข้อดีของการทำนม (เสริมหน้าอก) ทั้งแบบเสริมใต้กล้ามเนื้อ และแบบเหนือกล้ามเนื้อมารวมกัน กลายเป็น Dual Plane
1.การวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ คือ การวางซิลิโคนแบบที่เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่บ้างแล้ว ไม่เหมาะกับคนที่มีรูปร่างผอมมาก หรือมีเนื้อหน้าอกน้อย เพราะจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อเวลาผ่านไปจะยิ่งทำให้เห็นขอบถุงซิลิโคนชัดมากในผู้ที่มีผิวบาง และเกิดริ้วรอยรอบซิลิโคนได้ง่าย ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะได้รับความเจ็บปวดน้อยกว่า แต่ก็มีโอกาสทำให้เกิดพังผืดได้สูงกว่าในอนาคต และรูปทรงหน้าอกหลังเสริมด้วยซิลิโคนที่ขนาดใหญ่มากๆ ก็จะมีโอกาสคล้อยลงได้มากกว่าอีกด้วย
2.การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ โดยส่วนใหญ่การวางไว้ใต้กล้ามเนื้อจะเป็นที่นิยมของแพทย์ที่มีประสบการณ์ ซึ่งจะเป็นผลดีกับลูกค้าในระยะยาวมากกว่าการวางไว้เหนือกล้ามเนื้อ แต่ต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างมาก ถุงซิลิโคนถูกรองรับด้วยมัดกล้ามเนื้อ ทำให้ไม่เคลื่อนจากตำแหน่งที่วางไว้ รูปทรงเป็นธรรมชาติ สัมผัสนิ่ม ลดโอกาสคลำเจอของขอบซิลิโคน
3.การวางซิลิโคนกึ่งใต้กล้ามเนื้อ เป็นการผสมผสานโดยนำข้อดีของเทคนิคการเสริมหน้าอกในแต่ละแบบเข้ามาอยู่ด้วยกันในวิธีเดียว (Dual Plane) ทั้งนี้การเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ หรือ ใต้กล้ามเนื้อ จะมีข้อดีเฉพาะตัวแตกต่างกันไป การทำ Dual Plane ก็คือการนำข้อดีของทั้ง 2 เทคนิคมาไว้ด้วยกัน ทำให้การเสริมหน้าอกมีความเป็นธรรมชาติและได้ผลลัพธ์ที่พอใจมากขึ้น คำว่า Dual Plane ก็แปลว่า 2 Plane หมายความว่า ส่วนบนของซิลิโคน ก็จะถูกบดบังด้วยกล้ามเนื้อหน้าอก แต่ในขณะเดียวกันส่วนล่างที่โผล่มา จะอยู่เหนือกล้าม ทำให้ข้างล่างมีความโค้งมน ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ส่วนบนที่จะถูกกล้ามเนื้อหน้าอกบังไว้ ก็จะคลำไม่เจอขอบของซิลิโคน ทำให้เวลาที่มองภายนอก หน้าอกดูสโลป ชัดเจน จะได้ทรงที่สวยเป็นธรรมชาติ ทำให้หน้าอกนิ่ม สัมผัสที่เป็นธรรมชาติ ลดโอการที่คลำเจอขอบซิลิโคน ลดการเกิดพังผืดได้สูงและให้นมบุตรได้
สามารถสอบถามเพิ่มเติม ปรึกษาฟรีได้ที่ วรุตม์คลินิก มีรีวิวจากลูกค้าจริงมากมายหลายจังหวัดเช่น ทำนม(เสริมหน้าอก)กรุงเทพ,ทำนม(เสริมหน้าอก)นครสวรรค์,ทำนม(เสริมหน้าอก)ทำนม(เสริมหน้าอก)พิจิตร,ทำนม(เสริมหน้าอก)กำแพงเพชร,ทำนม(เสริมหน้าอก)พิษณุโลก,ทำนม(เสริมหน้าอก)ชัยนาท และจังหวัดอื่นๆ